การทำงาน Work and Career

ความเครียดจากการทำงาน

เมื่อเราเครียดจนขอลาออก ทำให้เห็นได้ชัดควรแยกชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เรามีความสมดุลในชีวิตและทำให้เรามีเวลาสร้างความสุขส่วนตัวมากขึ้น การทำงานหนักเกินไป กดดันเรื่องงาน ทุกอย่างเป็นสาเหตุของความเครียดในที่ทำงานที่อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตได้ 

สร้างความสมดุลระหว่างการใช้ชีวิต & การทำงาน

ทำไมถึงต้องสร้างสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงาน

การมีสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงานเป็นสิ่งสำคัญเพราะมันช่วยลดความเครียดและป้องกันการเผชิญกับภาวะหมดไฟ ทำให้เรามีสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและสร้างสรรค์ได้มากขึ้น

นอกจากนี้เมื่อเรามีเวลาที่มีคุณภาพในการใช้ชีวิต เช่น การทำกิจกรรมอดิเรก การพักผ่อน และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวและเพื่อน จะทำให้เรามีความสุขและพร้อมที่จะทำงาน ทำให้งานออกมาดี ทำให้เรามีความสุขและพร้อมที่จะให้ความสำเร็จในทุกด้านของชีวิตได้มากขึ้น

ผลกระทบจากความเครียด

ภาวะเครียดจนลาออกจากงาน เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ และมีผลกระทบต่อความสามารถในการทำงานของเรา ภาวะเครียดที่มากเกินไปทำให้เราไม่สามารถจดจ่อหรือมีสมาธิในการทำงานได้

นอกจากนี้ความเครียดจากการทำงานยังส่งผลกระทบต่อชีวิตส่วนตัวของเราด้วย อารมณ์ของเราอาจเปลี่ยนไป ไม่สดใส และไม่อยากทำงาน อาจมีอาการของภาวะซึมเศร้าหรือความวิตกกังวล

เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพจิตของเรา ควรพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในการจัดการสุขภาพจิตเพื่อขอคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม

สัญญานเตือนเมื่อคุณเครียดต้องพบจิตแพทย์

การดูแลสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้นในสังคมปัจจุบัน การเข้ารับคำปรึกษาจากจิตแพทย์กลายเป็นเรื่องปกติและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น แต่ยังมีบางคนที่ยังคงมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการพบจิตแพทย์

บางครั้งพวกเขารู้สึกอาย ไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพจิตในครอบครัวหรือตนเอง และบางครั้งเขาอาจไม่เข้าใจว่าการพบจิตแพทย์ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นผู้ป่วยจิตเวชทั้งหมด แต่อาจเป็นการขอคำแนะนำหรือปรึกษาปัญหาที่ทำให้ไม่สบายใจ หรือปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและชีวิตของเรา

เมื่อเราสังเกตเห็นสัญญานเตือนใดๆที่บ่งชี้ว่าเราหรือคนรอบข้างมีปัญหาทางจิตเวช เช่น ความเครียด เศร้าหรือความเครียด ความหงุดหงิด หรือการมีอารมณ์ที่ผิดปกติ ควรพบจิตแพทย์เพื่อประเมินอาการและรับการรักษาที่เหมาะสม

การแบ่งสัญญานเตือนออกเป็น 3 ด้าน เพื่อให้เข้าใจและนำไปใช้ได้อย่างง่ายๆ ได้แก่

1. พฤติกรรม การเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรม เช่น การเปลี่ยนแปลงในการนอน การทานอาหาร หรือการทำกิจกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิม
2. อารมณ์ มีการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ เช่น อารมณ์เศร้า หงุดหงิด หรือเครียดมากขึ้นโดยไม่สามารถควบคุมได้
3. ความคิด มีการเปลี่ยนแปลงในการคิด เช่น ความจำเสื่อมลง หรือมีความคิดที่ผิดปกติที่เข้ามา

การรับรู้และตระหนักถึงสัญญานเตือนเหล่านี้ จะช่วยให้เราสามารถรับมือกับปัญหาทางจิตเวชได้ในขั้นตอนเริ่มต้นและป้องกันไม่ให้มันรุนแรงขึ้นในภายหลัง